อิทธิพลของอารยธรรมอินเดีย อิสลาม และจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีอารยธรรมของหลายแห่งผสมกันอยู่อย่างแพร่หลาย
ซึ่งก็แล้วแต่ละพื้นที่ว่าอารยธรรมแบบไหนจะเข้ามามีบทบาทมากกว่ากันเพราะพื้นที่ในภูมิภาคนี้มีทั้งภูมิประเทศแบบแผ่นดินใหญ่
และแบบหมู่เกาะ จึงทำให้มีอารยธรรมที่แตกต่างกันไป
อารยธรรรมที่แพร่หลายในสมัยโบราณมีอยู่ สาม
อารยธรรมนนั่นก็คือ อารยธรรมอินเดีย
อิสลาม และจีน ซึ่งแต่ละอารยธรรมก็จะมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนกันจนเป็นรากฐานให้กับชาวเอเชียตั้งแต่โบราณเป็นต้นมา
การเข้ามาของอารยธรรมทั้งสามนี้มีเข้ามาในช่วงเวลาที่ไม่ตรงกันทำให้การศึกษาลำดับการเข้ามาของแต่ละอารยธรรมนั้นง่ายและชัดเจน
การติดต่อกันระหว่างอินเดียกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีตั้งแต่พุทธศตวรรษที่
2แล้ว แต่จากการศึกษาหลักฐานต่างๆพบว่าระหว่างสองภูมิภาคนี้มีการติดต่อกันมากขึ้นในช่วงระหว่างพุทธศตวรรษที่
7-8 อาจกล่าวได้ว่าพ่อค้าอินเดียเดินทางเข้ามาติดต่อกับชาวพื้นเมืองด้วยการให้ของขวัญ
ยารักษาโรค ก่อนจะหยุดพักเพื่อรอลมมรสุมจึงค่อยเดินทางกลับ ระหว่างนั้นจึงเรียนรู้ภาษาพื้นเมืองและยังมีการแต่งงานกับคนพื้นเมืองก่อนที่พวกพราหมณ์และพระภิกษุจะเดินทางเข้ามา
อีกทั้งคนภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เองก็ได้เดินทางไปศึกษาหรือค้าขายที่อินเดียแล้วรับวัฒนธรรมกลับเข้ามาด้วย
จึงทำให้ในช่วงนี้อารยธรรมของอินเดียมีการแพร่ขยายมากกว่าอารยธรรมอื่นๆ ซึ่งพบเห็นได้หลายทาง
เช่น ทางด้านศิลปะและพุทธศาสนา พบพระพุทธรูปแบบอมราวดีซึ่งเป็นรูปแบบทางภาคใต้ของอินเดียมีปรากฏอยู่หลายแห่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ตัวอักษรที่ใช้ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ก็ล้วนมีรากฐานมาจากตัวอักษรสมัยราชวงศ์ปัลลวะ
ทางภาคใต้ของอินเดีย ตลอดจนชื่อสถานที่ที่มีลักษณะคล้ายกับอินเดียและประเพณีที่มีต้นกำเนิดคล้ายกับราชวงศ์ปัลลวะด้วย
เป็นต้น
เหตุที่อินเดียมีการติดต่อกันมากขึ้นนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการที่ศาสนาพุทธในอินเดียนั้นรุ่งเรืองไม่กีดขวางการเดินทางร่วมกับผู้อื่นและเปิดโอกาสให้ทุกชนชั้นสามารถเดินทางออกนอกประเทศเหมือนพวกพราหมณ์ได้
ซึ่งทำให้มีการเผยแพร่พุทธศาสนาไปพร้อมๆกับการค้าขายของพวกพ่อค้าที่ต้องการสินค้าฟุ่มเฟือย
คือ ทอง ไม้หอม และยางไม้หอม และที่สำคัญเช่นเดียวกันก็คือ
ชาวอินเดียรู้จักการต่อเรือและวิถีลมมรสุมทำให้การเดินทางนั้นแม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าพ่อค้าชาวอินเดียเป็นพวกแรกที่เดินทางเข้ามาก่อน
ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมกันทำให้ในระยะนี้เกิดอาณาจักรขึ้นมา เช่น
การสมรสของพราหมณ์อินเดียกับสตรีพื้นเมืองแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้ากลายมาเป็นอาณาจักรฟูนัน
เป็นต้น
อิสลามมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยพวกพ่อค้าที่เดินทางเข้ามาทางเรือเพื่อมาติดต่อค้าขายกับคนในแถบนี้ก็ได้นำศาสนาเข้ามาด้วย
โดยเริ่มต้นด้วยการเผยแผ่ให้กับชนชั้นปกครองในเมืองใหญ่ๆ และแถบชุมชนพ่อค้า
โดยการจะเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามนี้จะไม่ใช่การบีบบังคับคือจะแล้วแต่ความศรัทธาของแต่ละคน
วิธีการก็จะเทศนาสั่งสอนและเกลี้ยกล่อมชักชวน ไม่ใช้การขู่เข็ญ ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะเด่นของศาสนาอิสลาม
ลักษณะของศาสนาอิสลามบริเวณภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นจะแตกต่างไปจากแถบอื่นเพราะพื้นที่อื่นๆจะเต็มไปด้วยลักษณะทางไสยศาสตร์เวทมนตร์และเรื่องลึกลับแต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะกลับกลายเป็นเรื่องเชิงวิทยาศาสตร์
มีเหตุมีผล
เดินทางสายกลางจึงทำให้คนในแถบนี้มีจิตใจที่กว้างและงดงามไม่หยาบกระด้าง
ซึ่งหากเป็นที่อื่นจะมองว่าแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้เป็นพวกที่ทำตัวสอดคล้องกับความเป็นสมัยใหม่
นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมที่คนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับก็คือ ด้านขันติธรรม
ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องหมายประจำศาสนาอิสลามในพื้นที่นี้
อาณาจักรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการเผยแผ่ศาสนาอิสลามก็มีหลายแห่ง
ยกตัวอย่างเช่น
ชาวมาเลเซียที่จะสนใจในสิ่งที่เป็นปัจจุบันมากว่าที่จะเชื่อและงมงายอยู่กับเรื่องลึกลับ
และยังเป็นอาณาจักรที่เป็นที่ชุมนุมการค้าขายระหว่างชาติต่างๆด้วยจึงทำให้อิสลามมีแพร่หลายอยู่ในมาเลเซีย
แถบหมู่เกาะสุมาตรา(เปอร์ลัก)มีการบูชาเจว็ดในอดีตแต่เมื่อมีการติดต่อกับพ่อค้าซาราเซนทำให้คนเหล่านี้เปลี่ยนมารับกฎของมูฮัมหมัด เป็นต้น
การเผยแพร่วัฒนธรรมของจีนลงมาทางใต้ของประเทศนั้นจะมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการครองราชย์ของจักรพรรดิจีนแต่ละราชวงศ์
และปัญหาภายในประเทศจนทำให้ต้องถอยร่นลงมาทางใต้เป็นเสมือนการสำรวจดินแดนทางตอนใต้
ทำให้การติดต่อกันระหว่างจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีความสัมพันธ์กันเป็นระยะๆแต่มีก็มีความต่อเนื่องอยู่ตลอด
และที่สำคัญคืออิทธิพลของอินเดียและอิสลามนั้นเริ่มเสื่อมลงทำให้จีนมีการแผ่อิทธิพลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
การติดต่อกับดินแดนทางตอนใต้ของจีนนั้นมุ่งเพียงเพื่อประกาศเกียรติยศศักดิ์ศรีและเพิ่มพูนความรู้ในทางพุทธศาสนาของตนเองเท่านั้น
ไม่ได้ต้องการที่จะแผ่อิทธิพลทางการเมืองและทางเศรษฐกิจให้กับอาณาจักรนั้นๆ เหมือนกับอิทธิพลของอิสลาม
ในสมัยของราชวงศ์ฮั่นอาณาจักรเวียดนามอยู่ภายใต้อาณานิคมของจีน
เวียดนามจึงได้กลายมาเป็นตัวเชื่อมต่อในการแผ่อิทธิพลเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อิทธิพลของพุทธศาสนาก็เป็นตัวการหลักที่ทำให้จีนมีการติดต่อกับอาณาจักรต่างๆมากมายที่นับถือพุทธศาสนาตั้งแต่ตอนที่อินเดียนำวัฒนธรรมนี้เข้ามา
ที่เห็นได้ชัดคืออาณาจักรศรีวิชัยที่ในสมัยราชวงศ์สุ้งใต้มีการส่งทูตและคอยช่วยเหลือด้านกองทัพในการตีชวาด้วย
เหตุเพราะศรีวิชัยเป็นอาณาจักรพาณิชยกรรม
ซึ่งควบคุมเส้นทางการค้าทางทะเลระหว่างจีนและอินเดียผ่านไปมาเพื่อค้าขายกันอยู่เสมอ
และที่สำคัญอาณาจักรศรีวิชัยนี้มีความเจริญทางด้านพุทธศาสนาทำให้ง่ายต่อการเดินทางมาศึกษาพระธรรมของชาวจีน
แทนที่จะเดินทางไปที่อินเดียซึ่งขณะนั้นพุทธศาสนาในอินเดียมีความเสื่อมแล้ว
สำหรับอาณาจักรอื่นก็มีการติดต่อกันอยู่บ้างแต่ไม่ได้ชัดเจนเท่ากับเวียดนามและศรีวิชัย
เช่นอาณาจักรฟูนันที่จีนได้มีการส่งทูตเข้าไปภายในอาณาจักร และอาณาจักรเจนละที่ปรองดองและติดต่อกับจีนอยู่ตลอดเวลา
เป็นต้น
การเข้ามาของอารยธรรมทั้งสามนั้นเป็นเสมือนการวางรากฐานทางด้านการปกครอง
การเมือง เศรษฐกิจ วิถีการดำเนินชีวิต และอื่นๆอีกมากมายให้แก่คนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่อารยธรรมที่มีแพร่หลายอย่างกว้างขวางก็น่าจะเป็นอินเดีย รองลงมาคือจีน
และอิสลามเป็นลำดับสุดท้าย
แม้ว่าหลายประเทศจะมีการติดต่อกับจีนมานานกว่าอินเดียแต่ว่าอินเดียนั้นไม่ได้ขยายอำนาจมาคุกคามอาณาจักรต่างๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหมือนกับจีน
ทำให้อารยธรรมอินเดียมีอยู่ในหลายอาณาจักร ในขณะที่จีนจะเด่นอยู่ไม่มากนัก เช่น
เวียดนามที่ตกอยู่ภายใต้วัฒนธรรมของจีนก่อนที่จีนจะติดต่อกับแถบทางใต้
และอาณาจักรศรีวิชัยที่จีนต้องการเผยแผ่ศาสนาพุทธแล้วเป็นเมืองท่าสำหรับการค้าขายด้วยจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น
เป็นต้น ในขณะที่อินเดียนั้นมีการเผยแผ่ศาสนาพร้อมกับแจกของขวัญ
ให้ยารักษาโรคต่างๆ
และยังมีการค้าที่สะดวกเรื่องการเดินทางอีกด้วยจึงทำให้เป็นที่แพร่หลายมากกว่า แต่ที่สำคัญคือชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รับวัฒนธรรมอินเดียแล้วนำมาผสมผสานกับวัฒนธรรมพื้นเมืองของตนเองทำให้จึงปรากฏอารยธรรมอินเดียในทุกอาณาจักร ในทางกลับกันอิสลามนั้นเข้ามาโดยการค้าของพ่อค้าเช่นเดียวกับอินเดีย
แต่การแพร่หลายของอิสลามนั้นจะเป็นพวกชนชั้นปกครองมากกว่าและผู้ปกครองเผยแผ่ให้กับประชาชนด้วยความสมัครใจ
ด้วยอารยธรรมเหล่านี้ทำให้ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีรากฐานที่มั่นคงมาตั้งแต่โบราณจนปัจจุบันก็ยังคงมีให้เห็นกันอยู่
และยังทำให้เกิดการพัฒนาต่างๆอย่างไม่หยุดยั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเดินทาง ศิลปะ
เทคโนโลยี และต่างๆอีกมากมายจนถึงทุกวันนี้
นางสางบานชื่น ผกามาศ
Va Kearney 36 months previously via U . s . https://imgur.com/a/l7GGvQm https://imgur.com/a/Is2vbVH https://imgur.com/a/9X7w0RC https://imgur.com/a/QrFdcxL https://imgur.com/a/W4ULutl https://imgur.com/a/UklVhns https://imgur.com/a/2BELWJA
ตอบลบAs a final point, get each one college happen in the chart plus glue his envision while in the right space. https://imgur.com/a/VGkfbOQ https://imgur.com/a/j402aa7 https://imgur.com/a/GdQU0H1 https://imgur.com/a/c8hC1Bg https://imgur.com/a/fWd1r7a https://imgur.com/a/FYz3bQ8 http://68gatxgyo6.dip.jp
ตอบลบ